ตรวจ IOM ประสบการณ์สุดโหด

สวัสดีค่ะ นักอ่านที่น่ารักทุกคน

เรามีแพลนแน่นอนแล้วว่าเราจะไปเรียนต่ออังกฤษ สิ่งต่อไปที่ต้องทำคือไปตรวจIOMค่ะ เป็นเอกสารที่ใช้ยื่นประกอบการขอวีซ่า

*** ถ้าจำไม่ผิดการที่เราจะเข้าอังกฤษโดยไม่ออกจากประเทศเค้าเลยเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือนต้องทำการตรวจ IOM ****

การตรวจ IOM คือ การที่เราไปตรวจปอดโดยใช้การ X-rays เพื่อตรวจหาเชื้อวัณโรค คือเราต้องปลอดเชื้อ เราต้องไม่มีจุดในปอด

บทความนี้ผิงจะขอเล่าเป็นเรื่องราวแล้วกันนะคะ ไม่ต้องเอาสาระมากเอาประสบการณ์ล้วนๆ

ตอนแรกค่ะเราก็ต้องเข้าไปจองคิวในเว็ปที่ตรวจIOMก่อน ผิงจองได้วันที่ 11 พฤษภาคม จองไว้ตอน 9 โมง วันนี้มีแพลนมากกมายในชีวิต กะว่ายื่นIOM แค่เอาใบส่งตัวมาแล้วไปตรวจวันหลัง เพราะเที่ยงนัดเพื่อนไว้ที่Terminal 21 หลังจากเรากินข้าวเที่ยงตอนบ่ายสองเราก็จะไปทำเล็บที่ร้านNail it สาขาอโศก (ใครเคยไปทำเล็บที่่ Nail it ก็จะรู้ว่าต้องโทรจองคิวล่วงหน้า เพราะคิวเต็มตลอดๆ)
เราก็เตรียมเอกสารในการตรวจ IOM ประกอบไปด้วย

• Passport ที่มีอายุมากกว่า 6 เดือน พร้อมสำเนา
• บัตรประชาชน พร้อมสำเนา 

ถึงวันนัด ผิงก็ไปที่ IOM อยู่ที่อาคารเกษมกิจ ชั้น 8 ไปโดยBTS หรือ MRT ก็ได้ อยู่แถวโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน ผิงก็ดำเนินเรื่องไปตามปกติ จ่ายค่าธรรมเนียม 3300 บาท แล้วพี่เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า "ต้องตรวจวันนี้เท่านั้นค่ะ"  เอาแล้ววินาทีนั้นคิดในใจจะไปทันนัดเพื่อนไม๊เนี้ย 

"แล้วใช้เวลาเท่าไรค่ะ ตรวจIOM" ถามกลับไป

"ไม่เกิน 3 ชั่วโมงนะ " เราก็สบายใจได้ว่ายังก็คงไปทัน

ทาง IOM มีโรงพยาบาลที่เราไปตรวจ IOM ได้สองที่ค่ะ คือ 

• โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน ซึ่งอยู่ห่างIOM ไปประมาณ 100กว่าเมตร
• โรงพยาบาลพญาไท 2  ที่อยู่ห่างจากIOMมาก 

แล้วใครจะไปพญาไท 2 จริงไม๊ค่ะ 

ผิงก็เลือกกรุงเทพคริสเตียน ได้ใบส่งตัวเดินไปตรวจแบบชิวๆ (วันนั้นใส่รองเท้าส้นสูงประมาณ 4 นิ้ว สวยๆ เดี๋ยวไปหาเพื่อนต่อ)  

ทำตามขั้นตอนไปเรื่อย ระหว่างนั่งรอ รู้สึกวันนี้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกสักหน่อย 5555 มาตรวจ IOM

เขาก็ถามนั้นนี้ แล้วก็ให้เราไปเปลี่ยนชุด จนได้ตรวจ ผิงเริ่มสังเกตุเห็นว่าคนมาตรวจหลังผิงได้ไปเปลี่ยนชุดปกติแล้วไปรับผลกันแล้ว แล้วหมอก็เรียกผิงไปX-rays อีกครั้ง แล้วผิงก็รอนานกว่าคนอื่นอีกรอบ สุดท้ายก็เปลี่ยนชุดรับผลตรวจ แล้วเดินกลับไปที่IOM โดยที่เราห้ามเปิดผลตรวจนะคะ ผิงก็นั่งรอคุณหมอในIOM เรียกไปฟังผล เปิดประตูเข้าไปหมอถามว่า 

"ช่วงที่ผ่านมา มีเป็นหวัดเรื้อรังหรือไม่" 

"ไม่ค่ะ" ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ผิงเป็นหวัดบ่อยมาก เพราะฝึกงานในโรงเรียนอนุบาล ผิงก็นึกว่าเหมือนเวลาเราไปตรวจสุขภาพทำใบขับขี่แบบนี้ ถามไรก็ไม่ๆไป จะได้จบ 

หมอถามผิงไป หลายข้อ จนหมอหันจอคอมมาให้ดู ปอดหนูมีจุดใหญ่อยู่ตรงนี้ X-rays แบบซูมแล้วก็ยังเห็นว่าเป็นจุด เสี่ยงว่าเป็นเนื้องอก (ประมาณนี้นะ) 

วินาทีนั้นในใจ มีคำมากมายในหัว ความรู้สึกมากมายเช่นกัน แล้วหมอก็ถามว่า

"หนูจะเข้าอังกฤษเมื่อไร"

" 29 มิถุนาค่ะ " 

" ถ้าหนูติดเชื้อต้องตรวจเชื้อ 2 เดือน ดูอาการ......" สรุปคือผิงไปเรียนไม่ทัน

ตอนนั้นเอง เราก็เลยคิดจะสารภาพความจริงว่าเราเป็นหวัดเรื้อรังก่อนหน้านั้น แล้วหมอก็ทำหน้า....บอกไม่ถูกเลย แล้วก็พูดว่า

" หนูโกหกหมอทำไม " นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าโกหกหมอนะคะเด็กๆ เลยสารภาพไปอีกเรื่องว่าเป็นภูมิแพ้ฝุ่น 

สุดท้ายหมอที่ IOM ก็ส่งตัวเราไปหาคุณหมอที่ติดต่อกับสถานฑูต ที่โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน ต้องไปวันนี้เท่านั้น เพราะหมอที่ติดต่อสถานฑูตจะไม่อยู่และหมออยู่ถึงแค่ 11.30 น.

วิ่งกลับไปที่กรุงเทพคริสเตรียน แล้วโทรบอกเพื่อน โทรเลื่อนร้านเล็บเป็นวันอื่น ซึ่งไปทำคนเดียวเพราะเพื่อนไม่ว่างแล้ว 

ตอนคุยกับหมอสถานฑูต (ขอเรียกแบบนี้แล้วกัน) ผิงไม่มีทางเลือกนอกจาก CT Scan 

สุดท้ายไปนั่งรอหน้าห้องเพื่อเจาะเลือดเราไปตรวจว่าเข้ากับสีที่ต้องฉีดตัวไหน ก็มีความรู้สึกมากมายค่ะ ทั้งโกรธ ทั้งโมโห ทั้งน้อยใจ 

"อะไร ทำไมต้องเรา เราอายุแค่ 23 มีเนื้องอกในปอดได้ไง" โทรไปหาแม่แล้วร้องไห้ แม่ตอบมาว่า 

"ถ้าลูกเป็นไรจริงๆ ไม่ต้องไปเรียนแล้ว รักษาตัวเองให้หายก่อน" 

ผิงเชื่อว่าถ้าใครโดยวินิจฉัยแบบผิง อายุยังน้อยแบบผิงต้องรู้สึกไม่ดีค่ะ ทำไมต้องเรา ทำไมนั้นนี้ในหัว 

นางพยาบาลเรียกไปขึ้นเขียงนอนเจาะเลือด ผิงก็ช่างเป็นคนที่ไม่มีเส้นเลือดเลย เป็นปัญหาตลอดเวลาเจาะเลือด จนเป็นคนกลัวเข็มเลย พี่นางพยาบาลทั้งรัดทั้งตี ก็ไม่ขึ้น พอโผล่มานิดนึง เข้าก็เจาะค่ะ แต่ดูดเลือดไม่ขึ้น สักพักเส้นเลือดแตก นางพยาบาลก็เอาน้ำแข็งมาประคบ แปะแผลกัน แล้วก็เปลี่ยนไปเจาะอีกข้างโดยนางพยาบาลที่มีประสบการณ์ที่สุดในห้องนั้น พอเจาะเลือดก็ต้องใส่ตัวฉีดสี  ซึ่งไอ้ตัวนี้จะมีท่ออยู่ในเส้นเลือดเราเป็นชั่วโมงๆจนกว่าเราจะได้ทำ CT Scan

  

จนถึงตอนนั้น เพื่อนมาหาแต่ทำได้แค่รอหน้าห้องที่ผิงนอนเล่น  ไอ้เราก็เกรงใจเพื่อนอุตส่าห์มาหา ก็พยายามคุยไลน์กับเพื่อนแต่พิมยากเหลือเกิน 555 ยังมีความพยายาม 

จนถึงเวลา ก็มีบุรุษพยาบาลเข็นไปจ่ายเงินค่ะ จ่ายเงินก่อนทำ CT Scan ในนั้นมีค่าScan ค่าสี รวมๆก็หมื่นนิดๆ แล้วเข้าก็ให้ผิงไปเปลี่ยนชุดเป็นชุด X-rays ซึ่งเปลี่ยนยากมาก เพราะใส่เสื้อเขนยาวแบบพอดีตัวด้วย แล้วก็มีอีท่อนี้อยู่ในเส้นเลือด คือมันไม่รู้สึกหรอก แต่เรากลัว เปลี่ยนชุดแรก ใส่จนจะเสร็จ....... อ้าว!!!!!!เชือกที่เสื้อดันขาด (เสื้อที่ใส่ใน รพ. ต้องเป็นแบบผูกๆ) ค่อยๆเปลี่ยนเป็นตัวใหม่ แล้วไปScan ยังไม่ทันได้ฉีดสี แต่เสร็จแล้ว อ้าวเฮ้ย!!!!! แล้วเงินเราละ จ่ายไปแล้ว 

กลับมานอนรอผล รอหมอมาอยู่เป็นชั่วโมง แล้วหมอก็มาพูดว่า ปกติ....เป็นกรณีพบน้อย เส้นเลือดขดกันแน่นจนเหมือนเนื้องอก เป็นความผิดปกติของAnatomy ซึ่งไม่ได้อันตรายอะไร 

***สบายใจไป 1 เรื่อง*** 

พอได้ผล รีบวิ่งกลับไป IOM แล้วเอาให้หมอที่IOM ดูแล้วออกใบรับรองIOM เพื่อไปขอวีซ่า 

ตอนเดินออกจาก IOM รู้สึก YES!!!!!! เสร็จแล้วโว้ยยยย ลุงรปภ.ของIOM เห็นเราเข้าออกตั้งแต่เช้า ก็ถามว่า "เรียบร้อยไม๊ครับ"  ตอนนั้นรู้สึกภูมิใจมากที่ได้ตอบ "เรียบร้อยแล้วค่ะ" 

ตอนนั้นฟ้องแม่แล้วว่าจ่ายเงินไปแล้ว ไม่ได้ฉีดสี แม่โทรไปโรงพยาบาลค่ะ แล้วให้เรากลับไปเอาเงินส่วนของสีคืน ได้คืนมา 3 พันกว่าบาทค่ะ 

แล้วหลังจากนั้นก็เดินไป รถไฟฟ้าอย่างสบายใจ แต่ตอนกลับบ้านรองเท้า 4 นิ้วทำพิษเลย รู้สึกเท้าล้ามาก

นี้แหละค่ะ ประสบการณ์การตรวจIOM และเป็นกรณีพบน้อยของผิง

ขอให้ทุกคนไปตรวจแล้วราบรื่นไม่ต้องวิ่งไปวิ่งมาแบบผิงนะคะ มาเล่าเรื่องนี้ให้ฟังหนุกๆขำๆ

เจอกันใหม่บทความหน้าค่ะ

Have a nice day นะคะ ทุกคน