สอบ IELTS - เตรียมตัว + Trickในการสอบ
สวัสดีค่ะ
บทความนี้จะว่ากันในเรื่องการสอบ ielts (การเตรียมตัว + Trickในการสอบ)
ผิงก็เคยสอบ ielts มาแค่ครั้งเดียว ผิงเป็นคนที่ความจำปลาทองเหลือเกิน อาจจะไม่ละเอียดเท่าไร เลยจะขอแชร์ไว้เท่าที่จำได้นะคะ
**** คนที่ต้องการไปเรียนต่างประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษในการเรียนต้องสอบielts เพื่อเป็นการทดสอบความสารถทางภาษาอังกฤษ ซึ่งแต่ละมหา'ลัย แต่ละสาขาวิชา จะกำหนดคะแนนไม่เท่ากัน ******
IELTS ย่อมาจาก International English Language Testing System
cr.http://oknation.nationtv.tv/blog/ielts/2016/10/29/entry-1
การจัดสอบ ielts แบ่งเป็น 2 ค่ายด้วยกัน นั้นก็คือ British Council กับ IDP (ตัวผิงสอบกับ British council)
เราต้องเข้าไปกรอกประวัติ จองวันสอบ และ จ่ายเงินค่าสอบ จะทำในออนไลน์ก็ได้ หรือ ไปที่Counter ก็ได้ แต่ราคาจะต่างกัน ทางออนไลน์จะถูกกว่า
การสอบielts แบ่งเป็น 2 ประเภท
- General Training
- Academic
***** เราจะไปเรียนต่อ ต้องสอบแบบ Academic นะคะ ********
การสอบ Academic ก็แบบออกเป็น 2 ประเภท
- แบบธรรมดา
- UKVI
ทั้งสองแบบแตกต่างกันอย่างไร?
- คะแนนแบบธรรมดาไม่สามารถยื่นขอเข้าเรียน Pre-sessional ได้ (การเรียน Pre-sessional คือการเรียนเพื่อเตรียมตัวก่อนเข้าเรียนในหลักสูตรหลัก ซึ่งมีไว้สำหรับคนที่สอบieltsแล้วคะแนนไม่ถึงตามกำหนด) แต่!!!! แต่ละมหา'ลัย ก็จะกำหนดคะแนนขั้นต่ำของการรับเข้าเรียนPre-sessional อยู่เหมือนกัน ถึงจะสอบUKVIแล้ว แต่คะแนนไม่ถึงก็ต้องสอบใหม่ หรือไม่ก็เปลี่ยนที่เรียนไปเลยค่ะ ****บางมหา'ลัยก็ไม่มีคอร์ส Pre-sessional นะคะ ต้องเช็คด้วย อย่างสาขาที่ผิงจะเข้าของGoldsmith เค้าก็บอกว่าต้องสอบieltsให้คะแนนถึงเท่านั้น *****
- ราคาต่างกัน แบบธรรมดาอยู่ที่ 6685 บาท แต่แบบ UKVI อยู่ที่ 9860 บาท
- สำหรับBritish council สอบielts ที่โรงแรม Landmark ตรงสถานีBTS นานา สำหรับแบบธรรมดาจะสอบที่ชั้น 7 แต่แบบUKVI สอบที่ชั้น 9 ซึ่งส่วนตัวกว่ามาก
การเตรียมตัว จากประสบการณ์ของผิง
ผิงใช้เวลาในการเตรียมตัวก่อนไปสอบทั้งหมด 1 เดือน ตั้งใจว่าอยากได้Overall สัก 6.5 ค่ะ
ตอนแรกกะว่าไม่ไปเรียนพิเศษหรอก รู้สึกมันแพ๊งแพงค่ะ แต่เราต้องมีวินัยที่สูงมาก เพราะไม่ใช่ง่ายๆเลย ช่วงแรกผิงก็ซื้อหนังมือมาทำแบบฝึกหัดเอง รู้สึกว่ามันยากเหมือนกัน เลยประเมินตัวเองใหม่ แม่เลยให้ไปเรียนพิเศษแบบ Private course กับLondoner แบบตัวต่อตัว ผิงเรียนสัปดาห์ละ 4 วัน วันละชั่วโมงครึ่ง โดยทุกวันต้องมีการบ้านหัดเขียน Essay วันละ 2-3 ชิ้น อยู่กะ Teacher เราก็เรียนอ่าน เรียนGrammar เรียนพูด เรียนหลีกเลี่ยงdistractor
***ถ้าใครมีวินัย และมีเวลา มีทักษะในภาษาอังกฤษพอสมควรก็เรียนด้วยตัวเองจะประหยัดลงไปเยอะเลยค่ะ***
ก่อนไปสอบ
- เตรียมเอกสารที่จำเป็นไปให้พร้อม
- ทำใจให้สบาย
- ไม่ต้องเตรียมอุปกรณ์การสอบไปนะคะ เพราะเค้าไม่ให้เราเอาอะไรเข้าห้องสอบเลย เค้ามีเตรียมไว้ให้อยู่แล้ว
- จำหมายเลขCandidate ของเราให้ได้ก็จะดี
ข้อสอบมีอะไรบ้าง?
ข้อสอบแบ่งเป็น 4 part ด้วยกันค่ะ มาดูทีละpartกันเลย
- Listening - ส่วนนี้เค้าจะให้เราฟังเสียงฝรั่งพูดซึ่งให้ฟังเพียงครั้งเดียว แล้วตอบคำถาม คำถามก็มีหลากหลาย ทั้งเติมคำในช่องว่าง / Multiple choice / จับคู่ / เลือกคำที่มีในกล่อง ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
- Trick -- ถ้าฟังข้อไหนไม่ทันแล้ว ช่างมันไปเลยค่ะ ถ้าเรามัวแต่ติดใจกับข้อเดิม เราจะพลาดคำตอบในข้อต่อไปได้
- Trick -- ช่วงแรกจะง่ายกว่าช่วงหลัง พยายามทำช่วงแรกให้ได้ เพราะทุกข้อคะแนนเท่ากัน คือ 1 คะแนน ช่วงแรกๆเราจะได้คะแนนง่ายกว่า
- Reading - เราจะต้องอ่านบทความ 3 บทความ แล้วตอบคำถาม ให้เวลา 60 นาที
- บริหารเวลาให้ดีค่ะ เค้าจะให้เวลาเราไปเลย เราต้องบริหารเวลาเอง
- พยายามหาใจความสำคัญของแต่ละ Paragraph เวลาหาคำตอบจะได้ง่ายๆ
- ผิงแนะนำว่า ถ้าเราไม่เจ๋งพออย่าอ่านแบบผ่านๆแล้วไปตอบคำถาม เรามีโอกาสจะพลาดสูง ถ้ามีเวลาอ่านไปเถอะค่ะ
- Writing - ส่วนปราบเซียนอยู่ตรงนี้ บางคนสอบหลายต่อหลายครั้งก็ติดแค่ตรงส่วนนี้กัน ในส่วนนี้จะให้เราเขียน essay สองชิ้นด้วยกัน ชิ้นแรกอาจเป็น graph / pie chart / bar chart หรือ รูปภาพ โดยให้เราเขียนรายงานโจทย์ของเขา ชิ้นที่สองเป็นการถามความคิดเห็นของเรา หรือ ให้เราอธิบายของดีข้อเสีย ของเรื่องที่ค่อนข้างจะจริงจัง เช่น คุณคิดว่ารัฐบาลแบบไหนมีประสิทธิภาพกว่ากันระหว่าง รัฐบาลที่ร่ำรวย กับ รัฐบาลที่ฉลาด ประมาณนี้นะคะ โดยpartนี้ให้เวลา 60 นาที
- Trick --ต้องใช้ Tense ที่หลากหลาย
- Trick --ไม่ใช่คำซำ้ๆ เราต้องมีSynonym ในหัวเราเยอะๆ
- Trick --บริหารเวลา ผิงแนะนำชิ้นแรกใช้เวลา 20 นาที ชิ้นที่สอง 40 นาที
- Trick --Grammar ต้องเป๊ะ
- Speaking - ในเมล์จะมีการนัดเวลาของการสอบพูด ถึงเวลาสอบในห้องจะมีเรา กับกรรมการคุมสอบซึ่งเป็นชาวต่างชาติ ตอนแรกเค้าก็จะถามเรื่องทั่วๆไปของเราก่อน แล้วก็จะถามเรื่องอื่น เช่นผิงโดนเรื่องกระจกค่ะ กระจกคืออะไร ,คุณพกกระจกไม๊ ,ทำไมไม่พกล่ะ และ คุณคิดว่ากระจกใช่ตกแต่งบ้านได้ไม๊ ต่อมาก็จะเป็นของจริง เค้าจะยื่นกระดาษโจทย์ให้เรา ในนั้นมีคำถาม 4-5 ข้อ แล้วจะให้เวลาเรา 1 นาทีในการเตรียมพูด โดยจะให้เราพูด 2 นาที ใน 2 นาทีนี้ต้องตอบคำถามในโจทย์ทั้งหมดด้วย
- Trick -- Be nice ไว้ก่อนค่ะ ผิงแน่ใจมากๆว่าไม่ว่าใครก็ชอบคนสุภาพค่ะ
- Trick -- พยายามตอบให้ได้มากที่สุด โดยไม่ต้องให้เค้าถามเพิ่ม เช่น ฉันไม่พกกระจกหรอกค่ะ เพราะว่าฉันคิดว่าไม่จำเป็นกับชีวิตฉัน แถมพกไปก็หนัก ส่องกระจกในตอนเช้ามั่นใจว่าดูดีก็พอแล้ว อีกอย่างฉันยุ่งมากๆค่ะไม่มีเวลาได้ส่องกระจกหรอกค่ะ เป็นต้น ไม่จำเป็นต้องให้เค้าถามค่ะ ว่าทำไมละ
- Trick -- พยายามไม่ใช้คำซ้ำๆค่ะ / ใช้ Tense ให้หลากหลาย
- Trick -- มีสติตอนเค้าถามด้วยค่ะ บางทีเค้าจะหลอกพูดไปพูดมาให้เรางงๆด้วย
***เมื่อสอบเสร็จ รอ 13 วันผลออนไลน์ก็จะประกาศ เค้าบอกว่าเช็คได้ตั้งแต่บ่ายโมง ผิงก็นั่งเช็คแล้วเช็คอีก ลุ้นจนท้อแล้วค่ะ สรุปคะแนนผิงออกตอน ทุ่มนึง // ส่วนผลสอบตัวจริงจะส่งมาที่บ้านเป็นจดหมายหลัง (เราจะเช็คstatusการส่งได้นะคะ เพราะเค้าจะแจ้งเลขให้เรา) ***
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น